อันตรายจากการงด “มื้อเย็น” ทานอย่างไรถึงจะไม่อ้วน?
ดังนั้น การงดมื้อเย็น เป็นอันตรายต่อร่างกายแน่นอน
มื้อเย็น เป็นมื้ออาหารที่ทำให้แน่ใจได้ว่าร่างกายได้รับสารอาหารเพียงพอต่อความต้องการใน 1 วันหรือไม่ ภายในมื้อเช้า กับมื้อกลางวัน เราอาจจะยังไม่ได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนมากพอ (อาจจะเกี่ยวเนื่องมาจากเวลาในการทำงานที่บีบรัด ทำให้หลายคนไม่มีเวลาเลือกอาหารที่ดีต่อร่างกายมากพอ) ดังนั้นการเสริมด้วยมื้อเย็นที่เต็มไปด้วยอาหารที่มีประโยชน์ จะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นได้อย่างครบถ้วนมากยิ่งขึ้น หากงดมื้อเย็นไป ก็อาจทำให้เรามีความเสี่ยงที่จะได้รับสารอาหารที่ดีไม่ครบ หรืออาจจะเผลอทานแป้ง และน้ำตาลมากกว่าผักผลไม้ได้
ทานมื้อเย็นอย่างไรไม่ให้อ้วน?
1.จำกัดปริมาณของอาหารในมื้อเย็น ให้เป็นมื้อที่พลังงานต่ำที่สุด หากมื้อเช้าเราทาน 40% หรือราวๆ 700 กิโลแคลอรี่ มื้อกลาววันเราอาจแบ่งทานเป็น 35% หรือราวๆ 600 กิโลแคลอรี่ และแบ่งเป็นมื้อเย็นอีกเพียง 25% หรือราวๆ 500-400 กิโลแคลอรี่ นั่นคือการเน้นหนักที่มื้อเช้า และลดปริมาณลงที่มื้อเย็น สอดคล้องกับหลักนาฬิกาชีวิตที่ในตอนเช้า วันเริ่มต้นของร่างกายจะต้องใช้พลังงานมากที่สุด และควรมีอาหารอยู่ในกระเพาะอาหารในช่วง 7.00-9.00 น. ดังนั้นมื้อเย็นเป็นมื้อที่เราควรทาน แต่อย่าให้เยอะจนเกินไปนั่นเอง
2.การนับจำนวนแคลอรี่เป็นเรื่องยาก แต่เราสามารถกะคาดคะเนด้วยสายตาคร่าวๆ ได้ โดยเลือกว่ามื้อเช้าเราทานเต็ม 1 จานใหญ่ ตอนกลาววันทาน ¾ ของจาน และมื้อเย็นทาน ½ จานก็ได้ และพยายามเลือกอาหารให้ครบ 5 หมู่ในแต่ละมื้อ โดยลดการทานอาหารที่มีไขมันจากสัตว์ แป้ง และน้ำตาลสูงในมื้อเย็น เน้นผักผลไม้ให้มากขึ้น
3.มื้อเย็นควรเน้นเป็นอาหารที่ย่อยง่าย ไขมันต่ำ เช่น โปรตีนจากนม ไข่ ปลา ไก่ และหลีกเลี่ยงอาหารทอด อาหารทะเลที่ย่อยยาก เช่น ลูกชิ้นปิ้ง หมูปิ้ง ไส้กรอกทอด หมูทอด เป็นต้น
4.เลือกทานมื้อเย็นก่อนเวลาเข้านอน 4-6 ชั่วโมง อย่าทานดึกมากจนเกินไป และอย่าทานล่วงหน้านานเกินไปเช่นกัน ช่วงเวลาที่เหมาะสมกับการทานมื้อเย็น คือ 16.00-18.00 น. เพื่อให้เราได้เข้านอนในเวลา 22.00-00.00 น. และอาหารทั้งหมดในท้องย่อยได้เรียบร้อยก่อนล้มตัวลงนอนนั่นเอง ซึ่งการนอนหลังทานอาหาร 4-6 ชั่วโมง ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคกรดไหลย้อนได้อีกด้วย
ขอขอบคุณ
ข้อมูล :นิตยสารชีวจิต โดย ผศ.ดร.จินตนา หย่างอารี อาจารย์ประจำฝ่ายโภชนาการชุมชน สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล, www.sanook.com
ภาพ :iStock